ชาดกในพระพุทธศาสนาที่สำคัญ

ธรรมสวัสดีค่ะ พวกเราอรั้ยยยกับอาร์มพิทค่ะ วันนี้พวกเราจะมานำเสนอเนื้อหาในรายวิชาพระพุทธศาสนาในชั้นเรียน เราได้รวบรวมเนื้อหาจากหลายๆเว็บไซต์ หากเครดิตไม่ครบหรือมีเนื้อหาผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ  ♡♡♡เริ่มกันเลย😄😄😄 
ชาดกในพระพุทธศาสนาที่สำคัญ🐖🐢👦👧
           โคนันทวิสาลชาดก🐂
            สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าได้ประทับ ณ วัดเชตวัน และได้มีการประชุมพระสงฆ์เรื่องเกี่ยวกับการพูดเสียดแทงให้เจ็บใจของพระภิกษุฉัพพัคคีย์ พระพุทธเจ้าจึงได้ตรัสเรื่อง โคนันทิวิสาล ว่า...พระโพธิสัตว์เกิดเป็นโค ชื่อ นันทิวิสาล ซึ่งอาศัยอยู่กับพราหมณ์ผู้ที่รักนันทิวิสาลเหมือนลูก วันหนึ่งนันทิวิสาลต้องการตอบแทนพระคุณโดยให้พราหมณ์ไปท้าพนันโควินทเศรษฐีในการลากเกวียณด้วยเงินเดิมพัน 1000 กหาปณะ  แต่การลากเกวียณในครั้งนี้พราหมณ์เป็นผู้ที่แพ้เพราะก่อนแข่งได้พูดกับนันทิวิสาลว่า “เฮ้ย เจ้าโคขี้โกง โคถ่อย โคงี่เง่า เจ้าจงลากเกวียณไปเดี๋ยวนี้เลย” นันทิวิสาลได้ยินดังนั้นจึงไม่ลากเกวียณ แต่พอการท้าพนันครั้งที่ 2 ได้มีการเพิ่มเดิมพันเป็น 2 เท่า แต่ครั้งนี้พราหมณ์ได้พูดจาไพเราะกับนันทิวิสาลว่า...“พ่อมหาจำเริญ ขอให้พ่อจงช่วยลากเกวียณไปด้วยนะ” พอนันทิวิสาลได้ยินดังนั้นจึงเกิดพลังในการลากเกวียณและเป็นผู้ที่ชนะในการเดิมพัน
 ข้อคิดหรือคติเตือนใจ
1. คนที่พูดหยาบย่อมให้ตนเองเดือดร้อน
2. คนที่พูดจาไพเราะอ่อนหวานย่อมเป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น



🔊วีดิโอโคนันทวิสาลชาดก 
          สุวัณณหังสชาดก🐔
สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าได้ประทับ ณ วัดเชตวัน และได้มีการประชุมพระสงฆ์เรื่องเกี่ยวกับการพอประมาณในการบริโภคกระเทียมของพระภิกษุณีชื่อ ถูลนันทา จึงทำให้พระพุทธเจ้าตรัสเรื่อง สุวัณณหังชาดก ว่า...สมัยหนึ่งพระโพธิสัตว์ได้เกิดมาเป็นพราหมณ์ แล้วได้แต่งงานกับ นางพราหมณี และมีลุกสาว 3 คน ชื่อ นันทา นันทวดี และสุนันทา หลังจากนั้นพราหมณ์ก็ได้เสียชีวิตลง โดยไปเกิดเป็น หงส์ทองคำ ซึ่งมีญาณวิเศษ คือสามารถระลึกชาติได้ว่าหลังจากตนเองเสียชีวิตลงครอบครัวก็มีแต่ความลำบาก จึงทำการช่วยเหลือด้วยการบินไปหานางพราหมณี แล้วสลัด ขนทองคำ ให้ครั้งละหนึ่งขน จึงทำให้นางพราหมณีและลูกๆมีความสุขสบาย แต่วันหนึ่งนางพราหมณีเกิดความโลภจึงปรึกษากับลูกๆ ว่า “ถ้าหงส์มาครั้งนี้จะจับถอนขนเสียให้หมด เพื่อจะได้นำไปขาย” หลังจากนั้นพอหงส์ทองคำบินมาอีกครั้ง จึงทำการจับถอนขนจนหมด แต่ก็กลายเป็นขนนกธรรมดา เพราะหงส์ทองคำไม่ได้ให้ด้วยความสมัครใจ นางพราหมณีจึงจับหงส์ทองคำใส่ในตุ่ม แต่พอสบโอกาสหงส์ทองคำก็บินหนีไปไม่กลับมาอีกเลย
ข้อคิดหรือคติเตือนใจ คือ
1. บุคคลควรยินดีในสิ่งที่ตนมีสิ่งที่ตนได้
2. โลภมากมักลาภหาย



🔊วีดิโอ สุวัณณหังสชาดก 
                        มิตตวินทุกชาดก🍀
เมื่อพระศาสดาเสด็จประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน ทรงพระปรารภถึงพระภิกษุซึ่งเป็นผู้ว่ายากรูปหนึ่ง ทรงตรัสเรื่องนี้ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในสมัยพระพุทธเจ้าที่ชื่อว่า พระกัสสปสัมมาสัมพุทธเจ้า ความมีอยู่ว่า นายมิตตวินทุกะถูกจักรพัดอยู่บนศีรษะตลอดเวลา จึงได้รับความทุกข์ทรมานมาก ขณะนั้นพระโพธิสัตว์เจ้าได้เดินผ่านมา นายมิตตวินทุกะ จึงถามว่า“ข้าแด่พระองค์ ข้าพเจ้าได้กระทำอะไรไว้แก่เทวดา ข้าพเจ้าได้กระทำความชั่วอะไร จักรนี้ได้จรดที่ศีรษะแล้วพัดผันอยู่บนกระหม่อมของข้าพเจ้า”พระโพธิสัตว์ตรัสว่า“เพราะเหตุใดเล่า ท่านผ่านทั้งปราสาทแก้วผลึก ปราสาทเงิน ปราสาทแก้วมณี และปราสาททองมาแล้วจึงมาถึงณที่นี่ได้”นายมิตตวิทุกะกล่าวว่า“ขอพระองค์ท่านจงดูข้าพเจ้าผู้มีความหายนะเนื่องเพราะสำคัญว่าที่นี่มีโภคทรัพย์สมบัติมากมายกว่าปราสาททั้ง 4 หลังที่กล่าวมานี้”พระโพธิสัตว์ จึงตรัสตอบว่า “เนื่องเพราะท่านมีความปรารถนามากเกินไป ได้ครอบครองนารี ๔ นาง ไม่พอใจทั้ง ๔ นางได้ครอบครองนารีทั้ง ๘ นาง ไม่พอใจทั้ง ๘ นาง ได้ครอบครองนารีทั้ง ๑๖ นาง ไม่พอใจทั้ง ๑๖ นางได้ครอบครองทั้ง ๓๒ นาง ไม่พอใจทั้ง ๓๒ นาง ท่านจึงได้ประสบกับจักรที่พัดอยู่บนศีรษะของท่าน เพราะถูกความโลภ ความปรารถนาที่มากเกินไป “ พระพุทธองค์จึงตรัสสั่งสอนว่า “ขึ้นชื่อว่าความอยาก มีสภาพแผ่ไปยิ่งใหญ่ไพศาล ทำให้เต็มได้ยาก (ความอยากไม่มีที่สิ้นสุด) หากชนเหล่าใดตกอยู่ภายใต้อำนาจของความอยากแล้ว ก็ยากที่จะถอนตัวออกได้ง่าย ๆ เหมือนกับท่านในปัจจุบันนี้ ต้องเทินจักรไว้อยู่บนศีรษะตลอดเวลา”พระโพธิสัตว์ตรัสเช่นนี้แล้ว ก็เสด็จสู่เทวสถานแห่งตนทันที ฝ่ายมิตตวินทุกะ ก็ยังคงมีจักรพัดอยู่บนศีรษะอยู่ตลอดเวลา และได้รับความทุกขเวทนาหนักเรื่อยไป จนกว่าบาปกรรมที่กระทำไว้จะหมดสิ้นไป การที่นายมิตตวินทุกะ ได้รับกรรมเช่นนี้ ก็เนื่องด้วยความโลภ ความปรารถนา และความอยากไม่มีที่สิ้นสุดนั่นเอง


🔊วีดิโอมิตตวินทุกชาดก
  ติตติรชาดก🌾
ณ ต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่งในป่าหิมพานต์ เป็นที่อาศัยของสัตว์สามชนิด คือ ช้าง ลิง และ นกกระทา สัตว์ทั้งสามไม่ค่อยชอบหน้ากันโดยช้างถือว่าตนมีร่างกายแข็งแรงใหญ่โต ลิงถือว่าตนแคล่วคล่องว่องไว ส่วนนกกระทาก็ถือว่าตนนั้นบินได้เก่ง จึงพยายามหาทางกลั่นแกล้งกันและกันอยู่เสมอ

วันหนึ่ง ช้างซึ่งคิดว่าตนเองแข็งแรงที่สุด มีรูปร่างใหญ่โต ต้องมีอำนาจมากกว่าสัตว์อื่น จึงแผดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจนลิงและนกกระทาตกใจนอนไม่หลับ ทำให้สัตว์ทั้งสองโกรธแค้นเป็นอันมาก วันหนึ่ง ลิงเห็นช้างกำลังกินหน่อไม้ริมทางอย่างเพลิดเพลิน ก็แกล้งโยนรังมดแดงใส่หลัง มดแดงรุมกัดช้างจนร้องลั่น ลิงหัวเราะชอบใจแล้วหันไปรื้อรังนกกระทา นกกระทาแค้นใจเป็นอันมากที่ถูกช้างและลิงกลั่นแกล้งจึงพยายามหาทางแก้แค้นคืนบ้าง พอเห็นลิงและช้างเผลอ ก็บินขึ้นไปและถ่ายมูลรดหัวช้างและลิงเป็นการแก้แค้น ทั้งสามต่างแกล้งกันอยู่อย่างนี้ทุกวันจนไม่เป็นอันทำมาหากิน เป็นผลให้สัตว์ทั้งสามมีร่างกายผ่ายผอมอ่อนแอ จิตใจเสื่อมโทรมลงทุกวัน ในที่สุดสัตว์ทั้งสามเห็นว่าการกลั่นแกล้งกันทำให้เกิดความเดือดร้อน มีแต่ผลเสีย จึงปรึกษากันว่าควรจะเลือกผู้ที่มีอายุมากที่สุดเป็นหัวหน้า โดยใช้วิธีการสืบสาวเรื่องราวว่าใครรู้จักต้นไทรนี้ก่อนกัน ช้างตอบว่า “ข้ารู้จักต้นไทรต้นนี้ตั้งแต่ต้นไทรสูงไม่เกินระดับท้องของข้า”ส่วนเจ้าลิงกลัวจะน้อยหน้าเพื่อนจึงตอบว่า “ข้านี่นะ รู้จักไทรต้นนี้ตั้งแต่ยังต้นเล็กนิดเดียวเท่านั้น” นกกระทาได้ยินช้างกับลิงตอบเช่นนั้นจึงตอบอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “นี่แน่ะเพื่อนรัก ข้าจะบอกอะไรให้ เมื่อก่อนต้นไทรต้นนี้ไม่มีหรอก ข้าต้องบินไปกินผลไทรในป่าโน้นกินเสร็จก็บินกลับมาที่นี่ แล้วพอดีเกิดปวดท้องจนทนไม่ไหวจึงถ่ายมูลไว้ตรงนี้ เมล็ดไทรจากมูลที่ข้าถ่ายไว้นั่นเองที่เกิดเป็นต้นไทรขึ้น” เมื่อซักถามประวัติกันเรียบร้อยแล้ว ปรากฏว่านกกระทาเป็นผู้มีอายุมากที่สุด ได้รับการยกย่องให้เป็นพี่ใหญ่ ช้างและลิงต้องเชื่อฟัง นับตั้งแต่นั้นมา นกกระทาทำหน้าที่เป็นผู้ปลุกน้อง ๆ ให้ตื่นแต่เช้าแล้วบินขึ้นที่สูง เพื่อสำรวจแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ พาช้างและลิงไปที่นั่นโดยให้ลิงเป็นฝ่ายขึ้นไปเก็บผลไม้มากินกัน และบรรทุกผลไม้ที่เหลือไว้บนหลังช้าง เก็บไว้เป็นอาหาร ในที่สุดสัตว์ทั้งสามก็มีสุขภาพกายจิตดีขึ้นเรื่อย ๆ ต่างพร้อมใจกันทำหน้าที่ที่ตนถนัด ทำให้สามารถอยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุขด้วยการพึ่งพาอาศัยกันและกัน
ชาดกเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
"การนับถือกันตามลำดับวัยวุฒิ รู้จักเคารพซึ่งกันและกัน และรู้จักเอื้อเฟื้อ เผื่อแผ่กันย่อมนำมาซึ่งความสุขในการอยู่ร่วมกัน"




🔊วิดิโอติตติรชาดก
เครดิต
https://sites.google.com/site/theprinciplesofbuddhism/hlak-thrrm-sakhay-khxng-phraphuthth-sasna
 http://www.trueplookpanya.com/learning/detail/2139
https://www.youtube.com/
around the world หลักธรรมของศาสนาพุทธ

กลับไปที่หน้าเว็บ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระพุทธศาสนาในชั้นเรียน

สวัสดีค่ะพบพวกเราอรั้ยยยกับอาร์มพิทค่ะ บล็อกนี้เป็นบล็อกแรกของพวกเรานะคะ หากผิดพลาดประการใน ขออภัยมา ณ ที่นี้ ...